วันพุธที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2559

วัดพระธรรมกายที่ฉันรู้จัก

มาวัดครั้งแรกตอนเรียนอยู่ม.รามฯปี 1 เมื่อปีพ.ศ.2538 มาอยู่กับพี่สาว และผองพี่ๆ เด็กรามฯ คิดถึงบ้าน เพราะไม่เคยจากบ้านมาไกล  บ้านเราอยู่อ.สุไหงโกลก ปิดเทอมเมื่อไหร่ นั่งรถไฟกลับบ้านทันที กับพี่ๆอีก 4 คน พี่ 2คนอยู่ยะลา อีกคนอยู่ปัตตานี ส่วนเรากลับพี่สาวลงป้ายสุดท้ายที่สุไหงโกลก จ.นราธิวาส  สรุปแล้ว พวกเรา 5 คนเป็นสาวชายแดนใต้  เวลาเรียนของแต่ละคนไม่ตรงกัน เพราะอยู่คนละคณะ  ไปเรียนไปกลับ หอพัก กับห้างหน้ารามฯเป็นปกติ ยามว่างเรา 5 คนก็ไปสมัครงานpart time แจกใบปลิว แจกขนมตัวอย่างบ้าง ได้เงินมาเป็นค่าเล่าเรียน พร้อมประสบการณ์นอกตำรา ทำให้ชีวิตมีชีวาขึ้นมาทันที   วันนึงพี่ๆก็ชวนกันไปวัดพระธรรมกาย ทุกคนก็พร้อมใจกันตื่นแต่เช้าเพื่อจะไปให้ทันรถบัส นายเลิศที่จอดรออยู่หน้ารามฯ
การมาวัดพระธรรมกายครั้งนี้ ช่างน่าตื่นเต้น และตื่นตามาก กับสถานที่ที่กว้างใหญ่ คนก็เยอะ ศาลาก็เนืองแน่นไปด้วยคนที่ตั้งใจมาทำบุญกัน น้องๆที่ออกมาตั้งแถวสวัสดี ทักทายด้วยรอยยิ้มอย่างอบอุ่น  
ที่ติดใจมาจนถึงทุกวันนี้ อาหารของวัดพระธรรมกาย แปลกดี ข้าวต้มแยกน้ำ ไม่เคยกินที่ไหน มีที่นี่ที่เดียวจริงๆ ทุกอย่างดูเรียบง่าย แต่แฝงไปด้วยความเป็นระบบระเบียบ คนเยอะ แต่ไม่วุ่นวาย ใบหน้าทุกคนดูผ่องใส ไม่รู้ใช้ครีมหน้าเด้งยี่ห้ออะไร ดูมีน้ำมีนวลกันทุกคน 
วันนั้นมาถึงทานข้าว เข้าห้องน้ำ เสร็จแล้ว ก็พากันไปนั่งสมาธิที่สภาฯหลังคาจาก กว้างประมาณ 9 ไร่ วันนี้มาเห็นแต่ของแปลกใหม่ ใหญ่อลังการ พี่บอกว่าหลวงพ่อมาแล้ว ให้รีบหาที่นั่ง  วันนั้นเห็นหลวงพ่อธัมมชโยอยู่ที่สเตทพระ ไกลๆ แต่เห็นท่านผ่องใสมาก แล้วท่านก็นำสาธุชนสวดมนต์ และพานั่งสมาธิ อยู่ร่วมชั่วโมง จนพิธีเลิก พักเที่ยง กินข้าวเสร็จ พี่ๆก็เลยถือโอกาสพาไปเที่ยวโบสถ์ ่ โอ้โห!โบสถ์ที่นี่ ดูเรียบง่าย สบายตาพาสบายใจ ก็ไม่นึกว่าวันนี้ฝันเป็นจริงแล้ว ที่เคยตั้งใจเล่นๆว่า จะมาดูโบสถ์ที่วัดพระธรรมกายให้ได้ เมื่อเที่ยวชมถ่ายรูปจนหนำใจ ก็ต้องรีบกลับไปร่วมพิธีที่สภาฯอีกรอบ หลวงพ่อธัมมชโยท่านมานำนั่งสมาธิรอบบ่าย เสร็จแล้วหลวงพ่อทัตตชีโว ก็มาลงเทศนาให้กับญาติโยมอีกที วันนั้นทำให้ได้พบหลวงพ่อทั้ง 2 องค์ ในรูปแบบที่ต่างกัน องค์หนึ่งดูสงบนิ่ง แต่แฝงไปด้วยความเมตตา อีกองค์หนึ่ง องอาจ ฉะฉาน และดูจริงใจ แต่ท่านทั้งสองต่างก็ทำให้ใจของเรามีความสุขจากการได้รับรสพระธรรมที่ท่านมอบให้ทีเดียว 
เสร็จพิธีจริงๆ ก็เกือบ4โมงเย็น  เราและพี่ๆต่างก็รีบจะไปขึ้นรถให้ทันกลับไปหอพัก แล้วพิธีกรก็ประกาศให้สาธุชนช่วยกันเช็ดเสื่อ เก็บเสื่อให้เรียบร้อยก่อนกลับบ้าน ไม่เป็นไร ก็เอาบุญอีกนิดเดียว  คิดว่าคงทำไม่กี่ผืนก็จะจากไปละ แต่ทว่า การเช็ดเสื่่อของวัดพระธรรมกายต้องช่วยกันคนนึงเช็ดข้างบน อีกคนก็เช็ดด้านล่างพร้อมกับม้วนไปด้วยจนสุด แล้วจึงนำไปขึ้นรถเข็นเสื่อที่เรียงเป็นตั้งอย่างเป็นระเบียบ กว่าจะเสร็จหมดทั้งสภาฯก็ใช้เวลาไม่นาน เพราะสาธุชนทุกคนต่างก็ช่วยกันเก็บอย่างรู้หน้าที่ เป็นภาพที่ประทับใจมากค่ะ ไม่มีใครทิ้งงานไว้ให้เจ้าหน้าที่เก็บตามหลัง พวกเราก็สนุกกับการลากรถเข็นเสื่อ รับบุญซักผ้าถูพื้น มีการถูสภาฯกันด้วยค่ะ
การทักทายปราศรัยของเจ้าหน้าที่พี่ๆแผนกบุญสถานที่เป็นกันเอง ก็ทำให้เรารู้สึกอยากจะมาที่
วัดพระธรรมกายอีกครั้ง พวกเราต่างก็สนุกกับการรับบุญ ไม่ได้คิดถึงเวลากลับหอพัก ได้อยู่พูดคุยกันพอสมควร แล้วจึงลาจากมาด้วยรอยยิ้ม วันนี้ชีวิตของข้าพเจ้าเปลี่ยนไป นอกจากไปเรียน ไปเที่ยวห้าง แต่ก็ไม่ว่างเว้นที่จะมาสั่งสมบุญที่วัดพระธรรมกายทุกอาทิตย์ เสมือนได้กลับมาเยือนบ้านอีกครั้ง